บริษัท ปูนซีเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน)
ที่รู้จักกันในนามเครือซีเมนต์ไทย หรือ SCG ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี
2456 ด้วยพระราชประสงค์ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 6)
ให้ประเทศไทยผลิตปูนซีเมนต์ใช้เอง ลดการพึ่งพาการนำเข้าจากต่างประเทศ
การดำเนินกิจการของเครือซีเมนต์ไทยผ่านช่วงเวลาต่างๆ มากมายเป็นเวลากว่า 100 ปี ปัจจุบันเครือซีเมนต์ไทยมีธุรกิจในเครือมากมาย นอกเหนือจากปูนซีเมนต์แล้ว
ยังมีวัสดุก่อสร้างต่างๆ ธุรกิจเคมีภัณฑ์ ธุรกิจกระดาษ ธุรกิจจัดจำหน่าย
ธุรกิจการลงทุน อีกด้วย
SCG ได้มีการจัดการความรู้
หรือการทำ KM ในองค์กร เนื่องจากบริษัทยึดถึงแนวคิดที่ว่า “Humanism”
คือ การมองว่าคนหรือพนักงานเป็นส่วนสำคัญมากกว่าการเป็นเพียงส่วนหนึ่งของการจัดการ
หรือ “Managelism” โดยเอาผลประโยชน์ของหน่วยงานเป็นหลัก ทั้งนี้เพื่อการเตรียมความรู้ทั้งภายในและภายนอกองค์กรให้พร้อมเพื่อต้องใช้งาน
โดยยกตัวอย่างเปรียบเทียบว่าเมื่อเราหิวข้าวแล้วเข้าครัวเราจะต้องได้ปลากระป๋องที่พร้อมทานไม่ใช่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่จะต้องมาผ่านขั้นตอนการประกอบอาหารอีก
การทำ KM ของ SCG
ได้เริ่มทำมานานแล้ว แต่เป็นการทำแบบไม่รู้ตัว
โดยอยู่ในเรื่องการบริหารงานบุคคล จนภายหลังจึงได้มาจับเข้ากับทฤษฎีการทำ KM
และเขียนเป็น Story เคล็ดลับสำคัญที่จะทำให้ KM
ภายในองค์กรยั่งยืนได้ คือ การทำ KM แบบ
Individual คือ การที่พนักงานทุกคนพร้อมปฏิบัติด้วยตัวเอง
กิจกรรมในการทำ KM ของ บริษัท ปูนซีเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน)
นั้นมีหลายกิจกรรม เริ่มตั้งแต่
1.
การกำหนดวิสัยทัศน์และกลยุทธ์ขององค์กร
2.
การวางแผน การกำหนดตัวคนปฏิบัติงาน (Action Plan)
3.
การกำหนดนโยบายในการนำองค์กรก้าวไปสู่องค์กรแห่งการเรียนรู้
(Learning
Organization: LO)
4.
การสรรหาพนักงาน (Recruitment)
5.
การพัฒนาพนักงานในทุกรูปแบบที่เหมาะสม
เช่น การฝึกอบรมและสัมมนา การให้ทุนการศึกษา การหมุนเวียนงาน e-Learning
6.
Talent
Management
7.
Intellectual
Property Management
8.
ISO-9000
หรือสร้างมาตรฐานการทำงานเป็นเอกสาร
9.
การตั้ง KM Team เพื่อทำหน้าที่หลักในการสื่อสารให้พนักงานเห็นประโยชน์ของการทำ KM
10.
การชี้ชัดให้ได้ว่าอะไรคือจุดแข็งและจุดอ่อนขององค์กร
11.
การชี้ชัดว่าองค์กรมีความรู้อะไร
อยู่ที่ใคร และยังขาดอะไร
12.
การหาเครื่องมือและการจัดกิจกรรมเสริมเพื่อช่วยในการทำ
KM
13.
การจัดสภาพแวดล้อมภายในองค์กรเพื่อเสริมการทำ
KM
14.
การจัดให้มี CoP
SCG
นำ IT มาใช้ในการจัดการความรู้ในแต่ละขั้นตอน
ดังนี้
ขั้นที่ 1 ตั้งวัตถุประสงค์ของการจัดการความรู้ ให้สอดคล้องกับกลยุทธ์ของธุรกิจ
เช่น SCG มีกลยุทธ์ที่จะ Go Regional จึงตั้งวัตถุประสงค์ว่าจะพัฒนาความรู้ของพนักงาน
เพื่อรองรับการขยายตัวไปยังภูมิภาคอาเซียน
ขั้นที่ 2 กำหนดขอบเขตของคำว่า “ความรู้” ที่ต้องการ เพื่อให้ทราบว่าเราจะต้องจัดการกับเรื่องอะไรบ้าง
ขั้นที่ 3 จัดทำ Knowledge Mapping เพื่อให้ทราบว่าองค์กรของเรามีความรู้อะไรอยู่บ้าง เก็บอยู่ในรูปแบบใด เก็บอยู่ที่ใครบ้าง
และเมื่อนำมาเปรียบเทียบกับความรู้ที่องค์กรต้องการ จะทำให้ทราบว่าองค์กรยังขาดความรู้อะไรบ้าง
และความรู้ใดบ้างที่เป็นสิ่งสำคัญต่อองค์กร
ขั้นที่ 4 สร้างและเสาะแสวงหาความรู้ที่องค์กรยังขาดอยู่
หรือจัดเก็บรักษาความรู้สำคัญที่มีอยู่ในองค์กรเอาไว้เพื่อใช้ซ้ำ หรือนำมาต่อยอดเป็นความรู้ใหม่ต่อไป
โดยใช้ Tools ในการสร้างสื่อความรู้ต่างๆ หรือ Tools ในการจัดเก็บหรือบันทึกความรู้ที่มีอยู่มากมายในองค์กร มิให้สูญหายไป
(Knowledge Capturing Tools)
ขั้นที่ 5 การจัดเก็บความรู้ที่ได้มาอย่างเป็นระบบ เช่น จัดหมวดหมู่ความรู้
จัดทำระบบสืบค้นที่มีประสิทธิภาพ (Search Engine) จัดทำระบบการเข้าถึงความรู้ที่ง่ายต่อการใช้งาน
เช่น การทำ Knowledge Web Portal เป็นต้น
ขั้นที่ 6 การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ (Knowledge
Sharing) เป็นขั้นตอนที่สำคัญและต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่องและต้องปรับปรุงทั้งรูปแบบและเนื้อหาอย่างสม่ำเสมอ
เช่น
- การสร้าง Forum สำหรับการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เช่น Blog, Chat room, Webboard
- การสร้าง
Community of Practices (CoP) หรือ ชุมชนนักปฏิบัติที่มีความสนใจใน เรื่องเดียวกัน
หรือมีจุดประสงค์ร่วมกัน
- การสร้างระบบ
e-Learning ที่มีลักษณะ Blended Learning คือผสมผสานวิธีการ
เรียนรู้หลายๆ แบบ เช่น เรียนรู้ด้วยตนเอง เรียนรู้จากเพื่อน หรือเรียนรู้จากวิทยากร
ขั้นที่ 7 การวัดผลและการประเมินผล เพื่อช่วยให้ทราบจุดบกพร่องต่างๆ
และนำมาแก้ไข
- การสร้างระบบทดสอบ
- การสร้างระบบประเมินผล เช่น
Vote / Poll หรือ Questionnaire
- การสร้างระบบรายงาน ที่สามารถเก็บข้อมูลการใช้งานได้อย่างละเอียด
ทุกช่วงเวลาที่ต้องการ
การนำ
IT มาใช้เพื่อการจัดการความรู้ ในแทบทุกขั้นตอนของการดำเนินงานของ SCG
โดยอาศัย Infrastructure และระบบ SCG
Computer Network ที่มีอยู่ในปัจจุบัน จึงสามารถสร้างระบบ
Web Based Applications ที่เข้าถึงผู้ใช้ได้อย่างรวดเร็วทั้งภายในและภายนอกประเทศ
ปัจจุบันมี Web Portal ที่ออกแบบเพื่อรองรับการใช้งานได้
2 ภาษา (ไทย-อังกฤษ)
ซึ่งมีขอบเขตการ ทำงานครอบคลุมทั้ง E-Learning และ Knowledge Management System ระบบงานถูกออกแบบให้
สามารถเพิ่มเติม Function การทำงานได้โดยไม่จำกัด ตามแนวคิดในการออกแบบระบบที่เรียกว่า
Jigsaw Module คือ สร้างเป็น Module ย่อยๆ ที่ทำงานเป็นอิสระ
แต่สามารถนำมาประกอบเพื่อใช้งานร่วมกับ Module อื่นๆ ได้อย่างกลมกลืน
ภายใต้ระบบใหญ่ที่สามารถให้สิทธิ์กับผู้ใช้ระดับต่างๆ เพื่อเข้าไปใช้งานหรือเพื่อเข้าไปจัดการ
(เช่น Add/Change/Delete) กับข้อมูลใน
Module ต่างๆ ได้อย่างคล่องตัว จุดเด่นประการหนึ่งของระบบนี้คือ ระบบสืบค้นข้อมูล
(Search Engine) ที่สามารถค้นหาข้อมูลได้จากชื่อเรื่อง
(Title) จากรายละเอียดที่เป็นตัวอักษร (Description) และจากคำหลัก (Keyword หรือ Tag) นอกจากนี้ ระบบ SCG eLearning ยังมีระบบรายงานที่มีประสิทธิภาพ
สามารถรายงานพฤติกรรมการใช้งานของผู้ใช้ได้ตลอดทุกวินาทีตั้งแต่เริ่มต้น
Log-in จนกระทั่งออกจากระบบ โดย Administrator สามารถสร้างรายงานตามช่วงระยะเวลาที่ต้องการได้ และสามารถ Export รายงานไปยัง Excel เพื่อนำไปวิเคราะห์หรือสามารถนำไปสร้าง
Chart เพื่อใช้ในการนำเสนอต่อไป
สำหรับเนื้อหาความรู้
(Contents) ใช้หลักการเดียวกับ Wikipedia คือผู้ใช้เป็นผู้ให้ความรู้แก่กันและ
กัน โดยระบบจะ Provide เครื่องมือง่ายๆ แก่ผู้ใช้ ที่จะแลกเปลี่ยนเรียนรู้
นำเสนอเรื่องราวต่างๆ แก่ผู้อื่น หรือร่วมเป็นผู้ดูแลระบบ ตามสิทธิที่ได้รับมอบหมายจาก
Administrator
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น